139 จำนวนผู้เข้าชม |
การใช้บัตรเครดิตให้ถูกต้อง ไม่ให้เป็นหนี้จนเสียประวัติ และติดแบล็คลิส ต้องใช้ให้ถูกวิธี ชำระหนี้ให้ตรงเมื่อถึงวันครบกำหนดชำระหนี้ จะต้องชำระตามยอดขั้นต่ำ 10 ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน แต่ส่วนมากเลือกที่จะจ่าย 5% ซึ่งจะดีมากหากลูกหนี้จ่ายเต็มทั้งจำนวนที่ใช้ไปในรอบที่ผ่านมา เพราะจะเป็นสิ่งที่แสดงถึงความรับผิดชอบ และวินัยทางการเงินอันจะส่งผลต่อการขอกู้หนี้
ดังนั้นในกรณีที่ลูกหนี้ต้องขอการกู้หนี้เพื่อให้ได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอถึง 6 เดือน ซึ่งถ้าลูกหนี้ไม่มีหนี้อย่างอื่นไม่มีหนี้ที่มีการชำระล่าช้า ซึ่งลูกหนี้ติดแบล็คลิสมีบัตรเครดิตเพียงอย่างเดียว
หากลูกหนี้หาเงินมาชำระหนี้หรือปิดบัญชีได้ และแจ้งให้กับทางสถาบันการเงินที่ลูกหนี้เป็นหนี้ให้ทราบแบล็คลิส ก็จะถูกปลดล็อคออกไป ลูกหนี้ก็จะสามารถได้รับการอนุมัติหนี้จากสถาบันการเงินได้ง่ายขึ้น….เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับข้อแนะนำดีๆของเราในวันนี้ หลายๆคนถ้าอยากให้ตัวเองมีประวัติการใช้บัตรเครดิตที่ดีๆแล้วล่ะก็ สามารถนำไปปรับใช้กันได้เลยครับ แต่ทั้งนี้ เราขอเตือนว่าการใช้บัตรเครดิตที่รูดปืด รูดปืด จนติดเป็นนิสัย ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยนะครับ เพราะบางครั้งมันอาจทำให้เรากลายเป็นคนมักง่าย ชอบใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายได้ จนเมื่อรู้ตัวอีกทีก็เป็นหนี้ไปเสียแล้ว ทางที่ดีควรใช้เมื่อยามจำเป็นดีกว่า เก็บหอมรอมริบเอาไว้เผื่อวันข้างหน้า หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาจะได้ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินใคร เพราะยังไรเสียการไม่มีหนี้ก็เป็นลาภอันประเสริฐ เหมือนที่ใครหลายๆคนได้พูดไว้นั่นแหละครับ
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว หากครั้งต่อไปจะใช้จ่ายอะไรยังไงอีก ก็ควรใช้จ่ายอย่างระมัดระวังและคำนึงถึงตัวเลขที่อยู่ในบัตรด้วยนะครับ
กรณีมีเหตุจำเป็นไม่สามารถชำระได้ จนถูกฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นมา ก็อย่าเพิ่งตกใจ อ่านคำฟ้องและเอกสารท้ายฟ้อง ว่ายอดหนี้ตรงตามที่เราใช้ไหม และต่อไปก็ตรวจสอบเรื่องอายุความ ว่าฟ้องเราภายในอายุความไหม ซึ่งอายุความบัตรเครดิต มีกำหนด อายุความ 2 ปี นับแต่วันที่มีสิทธิเรียกร้อง ( วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ครั้งสุดท้าย ) หากธนาคารฟ้องเราเมื่อพ้นกำหนดอายุความ ต้องรีบยื่นคำให้การต่อสู้คดีต่อศาลภายในกำหนด หากไม่ยื่นคำให้การ ศาลจะตัดสินให้ธนาคารชนะคดี ซึ่งทนายเอกได้นำตัวอย่างคำให้การบัตรเครดิตมาเป็นตัวอย่าง ซึ่งคดีนี้ยื่นคำให้การเข้าไปในคดีแล้ว โจทก์ได้ยื่นขอถอนฟ้องและขอค่าธรรมเนียมศาลคืน ซึ่งตัวอย่างนี้พอเอาไปใช้ได้เป็นแนวทาง แต่ถ้าจะให้เข้าใจหลักกฎหมายอย่างจริงจังก็ควรปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำจะชัดเจนกว่า สงสัยหรือต้องการสอบถามติดต่อมาได้นะครับ แต่ขอให้รอหน่อยนะครับ ทนายเอกว่างจะรีบตอบให้ทุกท่านโดยด่วน ท้ายนี้ ทนายเอกขอยกแง่คิดเรื่องการใช้บัตรเครดิตหรือการใช้จ่ายที่ชอบมาลงไว้ตามนี้นะครับ
ถ้าคุณ "ซื้อ" สิ่งที่ไม่จำเป็น ในไม่ช้าคุณจะต้อง "ขาย" ในสิ่งที่จำเป็น
เขียนและเรียบเรียงโดย ทนายเอกพรรดิ์ สายันตนะ